เหตุผลที่คนเราทำอะไรได้ไม่สำเร็จซักที ทั้งๆที่คิดว่าพยายามทำเต็มที่แล้ว...
คำตอบก็คือเราไม่ตั้งใจทำ 100% หรือทำแบบสุดๆกับมันนั่นเอง
สิ่งนี้นอกจากจะรวมถึงความพยายามเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองให้ถ่องแท้แล้ว ยังหมายถึงความตั้งใจกับสิ่งที่จะทำหรือกำลังทำด้วย คนที่ส่วนมากจะทำอะไรไม่สำเร็จหรือขณะทำก็เกิดเบื่อซะก่อนแล้วเลิกทำไปดื้อๆ หรือทำเกือบสำเร็จแล้วก็หยุดทำไปซะงั้นเพราะคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะพอ...
นั่นคือ คนเหล่านี้พยายามแค่ 70% - 99% เท่านั้น 99% ก็ยังไม่เพียงพอ
ถ้ายังไม่ทำให้สู่จุดหมายถึง 100% แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องการก็จะไม่เป็นตามที่ตั้งใจไว้ และพฤติกรรมนี้ถ้าทำบ่อยๆจะติดเป็นนิสัยที่ทำให้เวลาเราทำอะไรก็จะไม่สำเร็จอย่างที่หวังสักที และจะเป็นแบบนี้กับทุกๆเรื่องในชีวิตไม่ว่าจะเป็นการงาน ชีวิตครอบครัว ความรัก สุขภาพ และอื่นๆ
ยกตัวอย่างจากเรื่องจริง คือ
เคสแรก - นาย ก. คิดจะทำธุรกิจตัวนึง วางแผนและลงมือทำจนถึงระดับหนึ่งก็หยุดทำทั้งๆที่ธุรกิจก็กำลังไปได้ดี และนาย ก.ก็เกิดความคิดที่จะทำธุรกิจอีกตัวที่มองว่าน่าจะไปได้สวย จึงลงมือสร้างธุรกิจอีกตัวขึ้น ทำได้ระดับนึงก็เบื่ออยากจะเปลี่ยนทำธุรกิจอีกตัวอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีธุรกิจตัวไหนสำเร็จดั่งหวังซักตัว --- สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นาย ก. ไม่ได้มีความตั้งใจทำ 100% กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ผลที่ได้จึงย่อมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
เคสที่สอง - นาย ข. และนาง ค. เป็นสามีภรรยากัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มมีปัญหา คำสุดฮิตของชีวิตคู่ก็คือ "เรารักกันแต่เราเข้ากันไม่ได้" ทั้งคู่ต้องการยุติความสัมพันธ์โดยการหย่าและไปอยู่กับคนใหม่ซึ่งคิดว่าจะดีกว่า --- สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ถ้าทั้งสองคนรักกันจริง ทั้งคู่ต้องพยายาม 100% ในการประคับประคองความสัมพันธ์ให้ยาวนานและดีที่สุด ดังนั้น การมองหาทางออกโดยการไปมีคนใหม่ไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่นอน จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนใหม่ดีกว่าคนเก่า จะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีความคิดหรือปัญหาแบบเดิมๆเกิดขึ้นมาจนทำให้ต้องเลิกกันอีก
ดังนั้น ถ้าเราพยายาม 100% หรือเรียกว่าพยายามแบบสุดๆแล้ว แม้มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทางก็จะหาทางแก้และเรียนรู้จากมัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะตะเกียกตะกายไปไขว่ขว้าจุดหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
ขอให้ทุกคนดำเนินชีวิตด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ 100% นะคะ